Suicide Forest Village (2021) Movie Review: 7 Haunted Forests of Aokigahara Forest

รีวิวหนัง Suicide Forest Village(2021) ป่าผีดุ 7 เรื่องสุดสยอง ของป่าอาโอกิงาฮาระ

ประเภทของภาพยนตร์: สยองขวัญ

วันที่เข้าฉาย: 13 ตุลาคม 2021

ผู้กำกับ: ทาคาชิ ชิมิซุ

นักแสดงนำ: มายุ ยามะกุชิ, อันนะ ยามาดะ, คามิโอ ฟูจู, จุน คูนิมุระ

ความยาว : 117 นาที

Whispering-Corridors-6-The-Humming-Movie-Review-New-semester-at-haunted-school-When-school-is-no-longer-a-safe-place-from-the-supernatural

เรื่องย่อ:
 

อีกหนึ่งตำนานที่คนไทยเองก็เคยได้ยินแว่วๆ มาบ้าง เกี่ยวกับเรื่องราวของป่าฆ่าตัวตายที่เป็นเรื่องลี้ลับที่เล่าขานกันถึงความลึกลับในสถานที่แห่งนี้ และมันได้ถูกนำมาตีแผ่ออกมาเป็นหนังสยองขวัญเรื่องล่าสุดใน "Suicide Forest Village" (ป่า..ผีดุ) ที่จะลงโรงฉายในบ้านเราสัปดาห์นี้ ต้อนรับเทศกาลวันฮาโลวีนได้เป็นอย่างดี แต่ตำนานก็น่าจะดึงดูดผู้ชมได้ดี แต่หนังเรื่องนี้ยังมาพร้อมกับการงานสร้างงานศิลป์ที่น่าสนใจ กระตุ้นความกลัวได้ดีในระดับที่ไม่ถึงขั้นต้องปิดตาดู  หนังใหม่พากย์ไทย

Suicide Forest Village ป่า..ผีดุ หยิบเอาตำนานป่าอาโอกิงาฮาระ หรือ ป่าฆ่าตัวตาย มาตีแผ่ออกมาเป็นเรื่องราวในหมู่บ้านแห่งความหวาดกลัว ที่แม้จะเข้าสู่ยุคเรวะแล้วก็ตาม ผืนป่าที่ฟูจิแห่งนี้ก็ยังคงเป็นดินแดนต้องห้าม โดยลึกเข้าไปในป่ามีหมู่บ้านที่มีคนอยู่อาศัย 

ที่นั่นมีกล่องคำสาปชั่วร้ายถูกปิดผนึกอยู่ซึ่งเรียกว่า “Kotori Bako” ที่จะนำความตายมาสู่ผู้ที่ค้นพบมัน วัยรุ่น 5 คนค้นพบกล่องนั้นโดยบังเอิญ และเริ่มมีคนรอบตัวตายลงทีละคน พวกเขาจึงออกเดินทางไปยังป่าแห่งนั้นเพื่อหาทางหยุดคำสาปนั้นลงให้ได้ก่อนที่จะมีใครต้องตายลงไปอีก

หนังเรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นหนังเรื่องที่ 2 ในซีรีส์ภาพยนตร์ชุดหมู่บ้านสยองขวัญที่มีอยู่จริงในประเทศญี่ปุ่น ต่อจาก "Howling Village อุโมงค์ผีดุ" ที่เคยฉายในบ้านเราไปเมื่อช่วงต้นปี ที่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ความหลอนสะพรึงตามสไตล์ต้นตำรับหนังผีญี่ปุ่นอีกเช่นเคย "ทาคาชิ ชิมิซุ" กลับมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับถ่ายทอดเรื่องราวเฮี้ยนนี้อีกครั้ง เขาก็ยังคงหยิบใส่ความสยดสยอง ที่ไม่ได้ทำให้หนังญี่ปุ่นลดดีกรีความน่ากลัวแผ่วลงไปเลย และยังทำให้คนดูต้องยอมรับกับภาพรวมโหดสยองที่ใส่เข้ามาอย่างประดิษฐ์บรรจง

แต่กระนั้น Suicide Forest Village ก็ยังเต็มไปด้วยจุดบกพร่องเยอะแยะเต็มไปหมดในหนัง โดยเฉพาะการเล่าเรื่องที่รู้สึกยังไม่แนบเนียน และกระเด้งกระดอนไม่ได้ถูกจัดให้เข้าที่เข้าทางได้ดีสักเท่าไหร่ 

แต่ปัญหานี้ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชมมึนงงกับสตอรี่หลักของเรื่อง เพราะไม่ได้ทำให้โครงเรื่องทั้งหมดเสียหาย เพียงแค่การเล่าเรื่องเช่นนี้ทำให้รู้สึกขาดๆ เกินๆ ระหว่างการเชื่อมโยงเรื่องราวระหว่างกันมากมาย คือจะหลอนก็เหมือนจะยังไปไม่สุดทางเสียที

หนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นในหนัง ป่า..ผีดุ ก็คือการออกแบบดีไซน์ฉากความหลอนและฉากสุดโหดในเรื่อง ที่ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี ดีถึงขนาดต้องยกย่องให้กับโหดสยองให้ไปเลย แม้ว่าจะเล่าเรื่องแบบเนิบๆ ไปบ้าง แต่พอถึงจังหวะที่ต้องเชือดเฉือนฉึบฉับ Suicide Forest Village เรื่องนี้ก็ดีไซน์งานศิลป์ออกมาได้น่าขนลุกขนพอง โดยเฉพาะช่วงท้ายของเรื่องนี้ กับฉากในป่าฆ่าตัวตายที่องค์ประกอบศิลป์ทำได้ถึงขั้น และคนดูรู้สึกผวาและตื่นตาไปพร้อมๆ กัน

 

ความรู้สึกหลังจากชมภาพยนตร์:


‘Suicide Forest Village’ หรือในชื่อไทย ‘ป่า..ผีดุ’ นี้เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ในซีรีส์เดียวกัน ที่มีธีมและวิธีการเล่าร่วมร่วมก็คือ การหยิบเอาตำนานหลอนในสถานที่หลอนที่มีอยู่จริงในญี่ปุ่นมาเป็นแกนกลางของเรื่อง และถ่ายทำในสถานที่จริง   22-hd.com

โดยคราวนี้ ได้เข้าไปถ่ายทำใน ‘ป่าอะโอกิงะฮาระ’ (青木ヶ原) ผืนป่าความกว้าง 35 ตารางกิโลเมตร อยู่บริเวณเชิงเขาฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาไฟฟูจิ เป็นป่ารกทึบที่ไม่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เลย แต่เป็นป่าที่ถูกขนานนามว่า “ป่าฆ่าตัวตาย” ที่มีตำนานว่า คนที่เข้าไปฆ่าตัวตายจะหายสาบสูญไปตลอดกาล ส่วนคนที่ย่างกรายเข้าไป จะไม่มีโอกาสกลับออกมาได้อีก เพราะยิ่งเดินลึกเข้าไป ก็ยิ่งมีโอกาสหลงทาง

เพราะตั้งแต่ทศวรรษ 1950 มีการพบศพผู้เสียชีวิตที่มาฆ่าตัวตายในป่าแห่งนี้เฉลี่ยปีละประมาณนับร้อยราย กลายเป็นสถานที่ฆ่าตัวตายอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสะพานโกลเดนเกตทีี่สหรัฐอเมริกา บวกกับตำนาน “หมู่บ้านวิญญาณ” ที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าแห่งนี้ ที่ยังมีคนอาศัยอยู่ และหมู่บ้านแห่งนี้ มีที่ตำนานที่ถูกเล่าขานว่า มีกล่องไม้อาถรรพ์ที่เรียกว่า “Kotori Bako” ซึ่งก็หยิบเอาตำนานกล่องต้องคำสาปของญี่ปุ่นโบราณมาดัดแปลง ว่ากันว่าใครที่ค้นพบกล่องนี้ จะต้องถูกคำสาปจนกระทั่งมีอันเป็นไป

ส่วนในหนังจะเริ่มเล่่าเรื่องตั้งแต่ชายชรา (Jun Kunimura) ได้ขับรถผ่านป่าอะโอกิงะฮาระ ในระหว่างนั้น เขาได้พบเห็นเด็กหญิง 2 คนที่รอดชีวิตออกมาจากป่า เขาจึงได้ช่วยเธอไว้ และอีกหลายปีต่อมา เด็กหญิง 2 คนนั้นก็คือ ‘ฮิบิกิ’ (Anna Yamada) สาวรุ่นที่มีสัมผัสพิเศษ แต่เก็บตัวเงียบ เพราะแม่ของเธอฆ่าตัวตายในป่าอะโอกิงะฮาระเมื่อหลายสิบปีก่อน และ ‘เมย์’ (Mayu Yamaguchi) พี่สาวของเธอที่เพิ่งจะแต่งงาน 

ซึ่งตัวหนังจะเล่าเรื่องของเมย์ และฮิบิกิ รวมทั้งแก๊งเพื่อน ๆ ของพวกเธอ ที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวน่าขนลุก หลังจากที่ฮิบิกิได้พบกับกล่องปริศนาที่ใต้ถุนบ้าน เรื่องราวอาถรรพ์และความตายก็เริ่มคืบคลานเข้ามาหาพวกเขาทีละคน ๆ จนทำให้พวกเขาต้องเดินทางเข้าป่าเพื่อนำกล่องไปคืน และหยุดอาถรรพ์ป่าผีดุที่ดูเหมือนว่ากำลังจะคืบคลานออกมานอกป่า (และนอกกล่อง) ให้จงได้

สิ่งที่ต้องชื่นชมก็คือ บรรยากาศตลอดทั้งเรื่องของหนังที่นอกจากจะถ่ายทำได้สวยงามแล้ว ยังให้บรรยากาศชวนวังเวงได้ชนิดที่ว่าหลอนเลยแหละ ไม่ว่าจะเป็นฉากเปิดที่ถ่ายภาพมุมสูงของป่าจนสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ หรือบรรยากาศในโลเกชันต่าง ๆ ฉากในป่าที่เต็มไปด้วยความหลอนและวังเวงมาก ๆ ยิ่งผนวกกับสิ่งที่เรารู้ว่า นี่คือป่าฆ่าตัวตายจริง ๆ นะ ก็ยิ่งทำให้คิดไปใหญ่เลยว่า พวกพี่ถ่ายทำกันยังไงนะเนี่ย เพราะเอาเข้าจริง ๆ คนที่เข้าไปบางคนก็เจอศพ เจอสิ่งของของผู้ตายอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ต้องถึงขั้นสวดมนต์บวงสรวงก่อนถ่ายทำเลยไหมเนี่ย

อีกอย่างก็คือ แค่ได้ยินตำนานป่าฆ่าตัวตาย ก็ยิ่งบวกความรู้สึกให้หลอนยิ่งขึ้นไปอีก แถมยังเล่าในบรรยากาศหลอนที่ตัวหนังมีการจัดแสงให้ดูหม่นมืดเป็นส่วนใหญ่ คือแม้แต่ตอนกลางวันก็ยังหม่น ๆ ทึม ๆ กลางคืนนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มืดตึ้บไปเลย (555) แถมฉากหลอน ๆ ก็ทำได้น่ากลัวและโผล่ด้วยจังหวะแบบค่อย ๆ มาโดยไม่ต้องพึ่งพา Jump Scare แต่ก็ประมาทไม่ได้ 

เพราะผู้เขียนที่จิตค่อนข้างแข็งก็ยังแอบตกใจไปหลายครั้งเหมือนกัน เป็นหนังที่ผู้เขียนคิดว่า เหมาะกับการดูในโรงหนังมาก ๆ ครับ ควรดูในโรงเลย รับรองว่า ดูจบแล้วจะรู้สึกหลอนติดตาอย่างแน่นอน แม้แต่กระทั่งตัวกล่องอาถรรพ์ ที่ทำออกมาได้ทั้งดูหลอน น่ากลัว และน่าขยะแขยงในเวลาเดียวกัน จนขนาดที่ว่า ขนาดไม่ได้จับเองยังรู้สึกขยะแขยงมือสุด ๆ

ส่วนข้อสังเกตที่สำคัญที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ ตัวหนังตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงมีพล็อตที่ค่อนข้างซับซ้อนพอสมควรครับ แต่พอมันมาเป็นหนังสไตล์ญี่ปุ่น ที่ค่อย ๆ ปูเรื่อง เล่าเรื่อง แถมพล็อตบางส่วนดูเหมือนจะยังเล่าได้ไม่คมและชัดพอด้วย ก็เลยทำให้การเล่าเรื่องปูพล็อตใน 2 องก์แรกนั้นค่อนข้างชวนให้ซับซ้อนกับที่มาที่ไปของเหตุการณ์ต่าง ๆ อยู่พอสมควร

แถมยังเล่าด้วยจังหวะแบบหนังญี่ปุ่น แบบค่อย ๆ เล่า ค่อย ๆ คลายปมไปทีละเล็กละน้อย แถมยังออกลูกครึ่ง ๆ กลาง ๆ เล่าถึงคนนั้นที คนนี้ที เรื่องนั้นที เรื่องนี้ที แบบเหมือนจะสุดแต่ไม่สุด เหมือนจะเล่าแบบนี้ แต่ไปสรุปแบบโน้นอย่างไรชอบกล แต่ก็ถือว่ายังดีที่ตัวหนังสามารถจุดติด และหล่อเลี้ยงบรรยากาศความหลอนด้วยสถานที่ การถ่ายทำ การจัดแสง และแอ็กติง จนหลอนติดตาและน่ากลัวได้ตั้งแต่ต้นเรื่องโดยไม่ต้องมี Jump Scare

โดยสรุปแล้ว นี่คือหนังผีหลอน ๆ ต้อนรับฮาโลวีนที่น่าจะเหมาะกับแนวทางของคนชอบหนังญี่ปุ่นโดยแท้เลยครับ โดยเฉพาะจังหวะหลอนแบบค่อย ๆ มา ค่อย ๆ ซึมกับเนื้อเรื่องแบบไม่จำเป็นต้องมีจังหวะตุ้งแช่ แต่ใช้การปูบรรยากาศความวังเวงให้รู้สึกหลอนได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง รวมถึงฉากการตายของแต่ละตัวละครที่เรียกได้ว่าสยองสุด ๆ ครึ่งแรกอาจทำให้รู้สึกเนือยหนืดและไม่สุด จนอาจทำให้รู้สึกไม่ชอบไปบ้าง แต่รับประกันได้ว่า ดูจบแล้วจะต้องหลอนติดตาต้อนรับฮาโลวีนได้อย่างแน่นอนครับ
 

#ดูหนังฟรี #ดูหนังใหม่2024 #SuicideForestVillage #ป่าผีดุ

กลับด้านบน
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15

Comments on “Suicide Forest Village (2021) Movie Review: 7 Haunted Forests of Aokigahara Forest”

Leave a Reply

Gravatar